UFASPORT GAME

ข่าวฟุตบอลยุโร 2020 (2021) ล่าสุด อัพเดทข่าวสารวงการกีฬา ฟุตบอลวันนี้ ผลฟุตบอลยุโรปทั่วโลก

เรื่องนอกสนามที่ทำให้ “บาเยิร์น มิวนิค” สามารถครองความยิ่งใหญ่ในประเทศไปอีกนาน

9 สมัยติดต่อกันเข้าให้แล้วสำหรับแชมป์ลีกสูงสุดของ “บุนเดสลีกา” สโมสร บาเยิร์น มิวนิค ที่ตอนนี้กำลังโชว์ฟอร์มร้อนอย่างต่อเนื่องในการแข่งขันฟุตบอลบุนเดสลีกา เยอรมนี ฤดูกาล 2021-22 ผลปรากฏว่า บาเยิร์น มิวนิค บุกมาเอาชนะ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ไปได้อย่างขาดลอย 5-1 โดยบาเยิร์น ได้ประตูจาก โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ 2 ลูก ,แซร์จ กนาบรี 2 ตุง และ โธมัส มุลเลอร์ อีก 1 ขึ้นเป็นจ่าฝูงศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี ไป 5-1 แบบจุกๆ  ทำให้หลายๆ คนต่างมองว่า บาเยิร์น มิวนิค จะกลับมาคว้าแชมป์ บุนเดสลีกา เป็นสมัยที่ 10 อีกหรือไม่ ?

“ฟุตบอล คือ เกมง่ายๆ ที่คน 22 คน วิ่งไล่ล่าลูกฟุตบอล สุดท้ายแล้วมันเป็นฝ่ายชนะเสมอ” หลายคนคงจำวาทะอมตะนี้ของ แกรี่ ลินิเกอร์ ได้ขึ้นใจ แต่ถ้าเป็นเรื่องราวฟุตบอลบุนเดสลีกาลีกสูงสุดของอินทรีเหล็กแล้วล่ะก็ ท่อนสุดท้ายคงต้องเปลี่ยนเป็น “สุดท้าย บาเยิร์น มิวนิค ก็ได้แชมป์เสมอ” ถึงจะตรงที่สุด

ดูจากฟอร์มการเล่นอันดุเดือดของพวกเขาเมื่อ 2 วันที่ผ่านมาในศึกบุนเดสลีกา ฤดูกาล 2021/22 ทำให้อยากย้อนกลับไปหาเหตุผลว่าทำไม บุนเดสลีกาถึงเป็นทีมที่ครองความยิ่งใหญ่มาได้ขนาดนี้ เมื่อพูดถึง บุนเดสลีกา ทำไมแฟนบอลทั่วโลกกลับนึกถึง แต่ บาเยิร์น มิวนิค และการผูกขาดแชมป์ลีกรวมไปถึงความยิ่งใหญ่ในประเทศที่ว่านี้มีเหตุผลจากอะไร ทำไมจึงแทบจะไร้หนทางในการไล่ตามทีมอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจจะมีเรื่องราวที่มากกว่าแค่ฟอร์มการเล่นในสนามของพวกเขาแน่นอน

บ้านเมืองเรื่องสำคัญ

มิวนิค คือ ศูนย์รวมของทั้งเศรษฐกิจของภูมิภาค ความหลากหลายของเชื้อชาติ และจำนวนสถานศึกษาที่มากมายพร้อมผลิตประชากรคุณภาพ นอกจากนี้พวกเขายังมีบริษัทระดับโลกอยู่หลายแห่งที่ก่อตั้งในเมืองนี้ อย่าง BMW กรุ๊ป บริษัทอุตสาหกรรมยานยนต์ชั้นนำของโลกที่มีแบรนด์ดังอย่าง BMW, Mini และ Rolls-Royce อยู่ในเครือ รวมไปถึง Allianz บริษัทประกันรายใหญ่ที่สุดของโลก แถมยังมีสาขาของบริษัทยักษ์ใหญ่มากมาย อย่าง Microsoft, Google, Swiss Life, Intel และ IBM จึงทำให้เมืองแห่งนี้มีอัตราการจ้างงานสูงมากที่สุดในประเทศอีกด้วย ที่สำคัญ คือ ความหลากหลายของทางวัฒนธรรม ความหมายของ มิวนิค คือ พร้อมเปิดกว้างและต้อนรับทุกวัฒนธรรมทั่วโลก สิ่งที่ยืนยันได้คือภายในเมืองแห่งนี้มีสถานกงสุลของต่างประเทศกว่า 100 แห่งเลยทีเดียว จะเห็นได้ว่าแทบทุกด้านของเมืองมิวนิคอยู่ในระดับเมืองที่มีคุณภาพ และเมื่อรายได้ถูกกระจายไปทั่วทุกภาคส่าวนก็ย่อมส่งผลต่อสถานะทางสังคมที่ลงตัว ประชาชนมีงานทำจึงทำให้พวกเขามีรายได้สำหรับอินเตอร์เทนตัวเองและทำให้ธุรกิจความบันเทิงพัฒนาตามไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่ากีฬาฟุตบอลก็ถือเป็นความบันเทิงในชีวิตและทีมที่ชิงพื้นที่ส่วนตัวนี้ไปคือ บาเยิร์น มิวนิค ส่วนเหตุผลก็คือ การบริหารวางแผนของบ้านเมืองที่ดีย่อมส่งผลทำให้เกิดความเจริญเฟื่องฟูทุกธุรกิจภาคส่วนนั่นเอง

ใช้คนให้ถูกกับงาน

อย่างที่ทราบกันว่า บาเยิร์น มิวนิค ไม่ได้มีความใหญ่ค้ำฟ้ามาแต่ไหนแต่ไร ทว่ามันจากการบริหารที่ชัดเจน ในหลายๆ ยุคมีทีมผลัดกันก้าวขึ้นมาท้าทายเสือใต้อยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็น กลัดบัค, ฮัมบูร์ก และ ดอร์ทมุนด์ แต่ในปัจจุบันสโมสรเหล่านี้ก็ทนแรงเสียดทานไม่ไหว สุดท้ายก็สู้ได้แค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เพราะแพ้ภัยตัวเองซึ่งไม่มีใครยืนระยะได้ดีเท่ากับ บาเยิร์น มิวนิค อีกแล้ว ดอร์ทมุนด์ เคยเกือบล้มละลายในช่วงยุค 2000 หลังจากใช้เงินซื้อนักเตะมากมายเพื่อแย่งแชมป์กับบาเยิร์น สุดท้ายก็ต้องประสบปัญหาขาดทุนอย่างยับเยิน และในช่วงเวลาที่แย่ๆ นั้น บาเยิร์น ให้ ดอร์ทมุนด์ ยืมเงิน 2 ล้านยูโร เพื่อใช้แก้ปัญหาหนี้ส่วนหนึ่ง คำถามคือทำไม ดอร์ทมุนด์ เคยเจ๊ง แต่บาเยิร์น กลับยังคงยืนอยู่ได้ทั้งๆ ที่พวกเขาก็ใช้เงินซื้อนักเตะเหมือนกัน เหตุผลก็คือ บาเยิร์นมีแบ๊กหลังที่เป็นคอนเน็คชั่นด้านธุรกิจและการบริหารที่แข็งแกร่งและที่สำคัญพวกเขาใช้คนให้ถูกกับงาน โดยพวกเขาแบ่งผู้บริหารเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือดูแลด้านฟุตบอล อันเป็นตำแหน่งของ คาร์ล ไฮน์ซ รุมเมนิกเก้ และ อูลี่ เฮอเนส พวกเขาเป็นอดีตนักเตะของทีมในตำนาน เพราะมีความรู้ด้านฟุตบอลเป็นอย่างดี ขณะที่อีกกลุ่มคือ ดูแลด้านการเงิน เขาใช้วิธีการใช้ผู้บริหารคนนอกที่มีความเชียวชาญด้านการบริหารและเงินโดยเฉพาะ ซึ่งแต่ละคนนั้นคือผู้บริหารระดับ CEO ที่เป็นนักธุรกิจระดับโลกอย่างแท้จริง โดยสัดส่วนการถือหุ้นของ บาเยิร์น แบ่งเป็น 4 ส่วนใหญ่ ได้แก่  สโมสรกับแฟนบอลถือหุ้น 75% ส่วนอีก 25% เป็นการแบ่งกันระหว่าง 3 บริษัทใหญ่ adidas, Allianz และ Audi บริษัทละ 8.33% การมีแบรนด์ระดับโลกถือหุ้นอยู่เป็นการแสดงออกอีกด้านว่าระบบการเงินของสโมสรจะไม่ล่มโดยง่ายอย่างแน่นอน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่างบประมาณที่สโมสรบาเยิร์นใช้ทำทีมทุกวันนี้ เกิดจากส่วนที่เป็นกำไรล้วนๆ ทั้งนั้น ว่าง่ายๆ คือ พวกเขาแทบจะไม่มีความเสี่ยงที่จะล้มละลายแม้แต่น้อย

เยอรมันเรามีทุกอย่าง

บาเยิร์น กับความสำเร็จในลีกบุนเดสลีกา มาจนถึงปัจจุบัน และความสำเร็จนี้เองที่ทำให้พวกเขามีประวัตศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่และสามารถดึงดูดนักเตะทั่วโลกได้สบายๆ นั่นเพราะ บาเยิร์น คือ สโมสรที่มีเงินหมุนเวียนระดับมหาศาล ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถซื้อนักเตะที่มีคุณภาพได้อย่างง่ายดายและนักเตะคุณภาพเหล่านี้เองที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ โดยความยิ่งใหญ่นี้เองเป็นที่มาของวลีเด็ดประจำสโมสรแห่งนี้ว่า Mia San Mia แปลว่า เราคือเรา จะเห็นได้ว่าสโมสรและแฟนบอลมีความภูมิใจในสิ่งที่พวกเขาเป็นอย่างที่สุด การสร้างความจงรักภักดีในองค์กรถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของความยิ่งใหญ่นี้ แฟนบอลเต็มสนามทุกนัด , นักเตะเก่าๆ ที่รีไทร์ออกไปจะมีโอกาสได้กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมเสมอ

ประวัติศาสตร์ การบริหารจัดการ และความจงรักภักดี สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้บาเยิร์น สามารถดึงดูดใจนักเตะของทีมอื่นได้อย่างง่ายดาย และเป็นฝันของนักเตะในเยอรมันหลายๆ คนเพราะการได้เล่นให้กับบาเยิร์น ก็เหมือนการได้เปิดประตูสู่ทีมชาติเยอรมัน ทุกเหตุผลที่กล่าวมานั้นทำให้ทุกสโมสรในบุนเดสลีกายอมรับแต่โดยดีว่า หาก บาเยิร์น ต้องการนักเตะของพวกเขาขึ้นมาเมื่อไหร่ก็แทบจะหมดโอกาสต่อต้าน แม้จะเกลียดราชาแห่งลีกเยอรมันเท่าไหร่ แต่พวกเขาไม่อาจปฏิเสธความยิ่งใหญ่ของ บาเยิร์น มิวนิค ได้เลย

และศึกบุนเดสลีกา ในฤดูกาล 2021/22 นี้ดูจากฟอร์มการเล่นที่ไร้ที่ติแล้ว คงจะลงเอยด้วยหนังม้วนเดิมอีกครั้ง ถึงแม้จะมีช่วงที่หลุดหรือยังมีทีมอื่นๆ มาร่วมสร้างความตื่นเต้น แต่ตอนจบของเรื่องนี้ที่พระเอกก็กลับมาทันเวลา โดยสามารถคว้าแชมป์ 9 ซีซั่นซ้อนมาแล้ว จะคว้าอีกสักซีซั่นจะเป็นไรไป  ฟังดูแล้ว แม้ทีมอื่นๆ จะอิจฉาตาร้อนสักเพียงใด แต่สำหรับสาวกบาเยิร์นก็ยังคงทำได้เพียงแค่ยักไหล่ พร้อมพูดว่า “เราก็ยิ่งใหญ่ของเราแบบนี้แหละใครจะทำไม” ได้เสมอ